บัตรคีย์การ์ดนั้นเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้คู่กับประตูคีย์การ์ด ใช้สำหรับเปิดประตูที่ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมอยู่ โดยบัตรคีย์การ์ดนั้นทำหน้าที่เหมือนกับกุญแจ แต่เป็นกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำหน้าที่เปิดประตูโดยที่มือไม่แทบไม่ต้องไปสัมผัสกับประตูเลยแม้แต่น้อย นี่คือความอัจฉริยะของมันนั่นเอง
บัตรคีย์การ์ดที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ประเภทนั่นก็คือ บัตรแบบ Proximity Card และแบบ Milfare Card ซึ่งการเลือกใช้บัตรคีย์การ์ดแต่ละประเภทนั้น ต้องเลือกใช้ให้ถูกกับเครื่องอ่านแต่ละประเภทด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้
ในบ้านเรามีร้านขายบัตรคีย์การ์ดให้เลือกมากมาย ทั้งร้านตัวแทนจำหน่าย และร้านที่เปิดขายในอินเตอร์เน็ต ราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ราคาจะถูกจะแพงนี่ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต และการบริการหลังการขาย อาทิเช่น บริการจัดส่งให้ถึงที่ และคัดลอกข้อมูลลงบัตรใหม่ให้ฟรีอีกด้วย อันนี้สำคัญนะ เพระถ้าจะซื้อมา แล้วต้องมานั่งคัดลอกข้อมูลลงบัตรใหม่คนเดียวเป็นร้อยใบแล้วล่ะก็ เสียเวลาตายเลยล่ะครับ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ควรคำนึงถึงการบริการข้อนี้เป็นหลัก ถึงจะแพงกว่าเจ้าอื่นซัก 5 บาทต่อใบ แต่ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาก็โอนะครับ
บัตรคีย์การ์ดนั้นเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้คู่กับประตูคีย์การ์ด ใช้สำหรับเปิดประตูที่ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมอยู่ โดยบัตรคีย์การ์ดนั้นทำหน้าที่เหมือนกับกุญแจ แต่เป็นกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำหน้าที่เปิดประตูโดยที่มือไม่แทบไม่ต้องไปสัมผัสกับประตูเลยแม้แต่น้อย นี่คือความอัจฉริยะของมันนั่นเอง
บัตรคีย์การ์ดที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ประเภทนั่นก็คือ บัตรแบบ Proximity Card และแบบ Milfare Card ซึ่งการเลือกใช้บัตรคีย์การ์ดแต่ละประเภทนั้น ต้องเลือกใช้ให้ถูกกับเครื่องอ่านแต่ละประเภทด้วย ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้
ในบ้านเรามีร้านขายบัตรคีย์การ์ดให้เลือกมากมาย ทั้งร้านตัวแทนจำหน่าย และร้านที่เปิดขายในอินเตอร์เน็ต ราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ราคาจะถูกจะแพงนี่ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต และการบริการหลังการขาย อาทิเช่น บริการจัดส่งให้ถึงที่ และคัดลอกข้อมูลลงบัตรใหม่ให้ฟรีอีกด้วย อันนี้สำคัญนะ เพระถ้าจะซื้อมา แล้วต้องมานั่งคัดลอกข้อมูลลงบัตรใหม่คนเดียวเป็นร้อยใบแล้วล่ะก็ เสียเวลาตายเลยล่ะครับ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ควรคำนึงถึงการบริการข้อนี้เป็นหลัก ถึงจะแพงกว่าเจ้าอื่นซัก 5 บาทต่อใบ แต่ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาก็โอนะครับ
มีหลายคนสงสัยว่าบัตรคีย์การ์ดคืออะไร และมีไว้ทำอะไร มันจำเป็นต่อชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน วันนี้ก็เลยจะมาอธิบายให้
ทุกท่านได้เข้าใจกัน และหลังจากนี้ไป ก็จะได้เข้าใจและมีความรู้เกี่ยวกับบัตรคีย์การ์ดกันมากยิ่งขึ้น
บัตรคีย์การ์ดคืออะไร
- เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ใช้คู่กับเครื่องทาบบัตร ส่วนใหญ่ใช้เป็นเครื่องบันทึกเวลา หรือเครื่องควบคุมประตู หรืออาจจะทำ
หน้าที่ทั้ง 2 อย่างเลยก็มี
- – บัตรคีย์การ์ดทั่วไปมี 2 ประเภท คือบัตรแบบ Proximity Card ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือบัตรแบบหนา แบบบาง และ
แบบคีย์แท็ก ประเภทที่ 2 คือ บัตรแบบ Milfare Crad
- – บัตรคีย์การ์ดมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดใกล้เคียงกับบัตรประชาชน หรือบัตร ATM เหมาะสำหรับใส่ไว้ใน กระเป๋า
สตางค์ ยกเว้นบัตรแบบคีย์แท็กที่มีลักษณะคล้ายเหรียญ 10 บาท
ประโยชน์ของบัตรคีย์การ์ด
- -ใช้คู่กับเครื่องบันทึกเวลา เพื่อบันทึกข้อมูลเวลาการทำงานของพนักงาน
- -ใช้เปิด-ปิดประตู เพื่อเข้าออก อาทิเช่น หอพัก คอนโด โรงแรม เป็นต้น
ข้อดีของบัตรคีย์การ์ด
- - สะอาด ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค เพราะไม่ต้องสัมผัสไปที่ตัวเครื่องโดยตรง
- – พกพาสะดวก เพราะมีขนาดเท่ากับบัตร ATM
- – ราคาถูก เมื่อเทียบกับการใช้กุญแจแบบปกติทั่วไป
- – ปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการถูกนำไปปั๊ม
บัตรคีย์การ์ด มีลักษณะเป็นบัตรพลาสติกแข็ง รูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ นั่นก็คือมีลักษณะเป็นบัตรคีย์การ์ดแบบอ่อน สามารถใส่เข้าไปในเครื่องพิมพ์ได้ เพื่อใช้พิมพ์รูป หรือข้อมูลที่เราต้องการลงบนบัตรได้ หรือบัตรคีย์การ์ดแบบคีย์แท็ก ที่มีลักษณะกลมแบน มีขนาดใหญ่ประมาณเหรียญ 10 บาท มีให้เลือกหลายสี
บัตรคีย์การ์ดใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า RFID (Radio Frequency Identification) คือมีการรับ-ส่งคลื่นวิทยุระหว่างบัตรคีย์การ์ดและเครื่องรับสัญญาณ ซึ่งเมื่อเครื่องอ่านได้รับสัญญาณแล้ว จะทำการส่งคำสั่งไปยังฐานข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งจะใช้ในการบันทึกเวลา หรือใช้ติดตั้งคู่กับประตูคีย์การ์ดก็ได้
ราคาของบัตรคีย์การ์ดในปัจจุบันอยู่ที่ 15 – 20 บาท อาจจะสูงหรือต่ำกว่านี้ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของบัตรคีย์การ์ด และปริมาณในการซื้อแต่ละครั้งของลูกค้า และการเลือกซื้อบัตรคีย์การ์ดแต่ละประเภท ต้องเลือกซื้อให้ตรงกับเครื่องอ่านบัตรคีย์การ์ดด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้นั่นเอง
การเลือกซื้อบัตรคีย์การ์ดควรจะเลือกตัวแทนจำหน่ายที่มีสินค้าให้เลือกมากหน่อย และปริมาณสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของเรา และที่สำคัญ เงื่อนไขในการรับประกัน เช่นถ้าเราซื้อมาทั้งหมด 100 ใบ แต่ใช้ได้จริงๆ 90 ใบ อีก 10 ใบที่มีปัญหาทางร้านต้องเปลี่ยนใหม่ให้กับเราทันที